skip to main |
skip to sidebar
ผอ.รพ.วชิระเผย มีพันธมิตรเหยื่อระเบิดสัตว์นรกถูกลำเลียงส่งเข้ารับการรักษา 6 ราย ระบุมี 2 รายอาการสาหัส โดยเฉพาะ "เสถียร ทับมะลิผล" ที่มีแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะด้านซ้ายนั้น อาการโคม่า และมีโอกาสจะเสียชีวิตสูง
จากกรณีที่เมื่อช่วงเวลา 03.20 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุชายฉกรรจ์ 2 คน ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวาน จากนั้นได้ขว้างวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดเข้าใส่การ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และต้องนำส่งโรงพยาบาลวชิระ โดยด่วนจำนวน 6 ราย
ล่าสุด วันนี้ (30 ต.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. นายชัยวัน เจริญโชคทวี ผอ.รพ.วชิระ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ได้มีผู้ถูกส่งมารักษาตัวจำนวน 6 คน ได้แก่
1. นายราชันต์ จันทร์ปลูก มีอาการแผลฉีกขาดที่หัวเข่า,ข้อเท้าซ้าย 3 เซ็นติเมตร
2. นายจีระศักดิ์ อินทรีย์ แผลถูกสะเก็ดระเบิดที่คอด้านขวา
3. นายสงกรานต์ คำด้วง แผลถูกสะเก็ดระเบิดต้นขาขวา
4. นายปัญญา กติกา แผลถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะ หลัง แผลฉีกขาดที่ศีรษะ
5. นายทศพร สุขอิ่มใจ แผลรูเจาะข้อเท้าซ้าย
6.นายเสถียร ทับมะลิผล แผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะด้านซ้าย
ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือนายจีระศักดิ์และนายเสถียร ซึ่งทั้งคู่ได้รับการผ่าตัดแล้ว โดยผอ.รพวชิระระบุว่านายเสถียรมีอาการโคม่า โอกาสเสียชีวิตมีค่อนข้างสูง ส่วนที่เหลือ 4 คนเดินทางกลับบ้านแล้ว
จากนั้นเมื่อเวลา 10.20 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ที่มีอาการสาหัสจากเหตุการณ์เมื่อช่วงตีสามที่ผ่านมา โดยได้เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมผู้ป่วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกทม.และผอ.เขตทั้ง 5 เขต บริเวณเกิดและใกล้เคียง สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย เทศกิจ สำนักบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวห้อง ให้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 24 ชม. เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้อีก
นอกจากนี้ทางกทม.จะประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเร่งรัดให้สืบหาสาเหตุว่าเป็นฝีมือของใคร เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีแนวทางป้องกันอย่างไร โดยกทม.มีแผนจะติดกล้อง CCTV เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากมีคนร้ายหรือผู้ที่ก่อความไม่สงบเข้ามาทำร้ายประชาชน จะได้ใช้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี
นายอภิรักษ์กล่าวต่อไปอีกว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ไม่ดีนัก เศรษฐกิจไม่ค่อยดี อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาเจรจากัน ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือประชาชนหรือคนไทยด้วยกัน พร้อมทั้งย้ำอีกว่า จะจัดกำลังเฝ้าระวังเหตุการณ์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงให้มากขึ้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุรุนแรง และเชื่อว่าเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ ตำรวจคงไม่นิ่งเฉย และต้องเข้ามาดูแลความปลอดภัย หรือจัดการผู้ที่ทำร้ายประชาชน
ด้าน น.ส.ทิพวัลย์ ทับมะลิผล ลูกสาวของนายเสถียร ผู้บาดเจ็บโคม่า กล่าวว่าทราบข่าวว่าพ่อได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และได้มาเยี่ยมมาดูแลอาการ และทราบว่าอาการของพ่อไม่ดีเลย อยู่ในข้นที่ไม่ปลอดภัย รู้สึกเสียใจเพราะพ่อเป็นเสาหลักของบ้าน และไม่อยากให้พ่อเป็นอะไร ขอภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขอให้พ่อหายจากอาการบาดเจ็บในครั้งนี้
พร้อมทั้งกล่าวต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวได้มีการคัดค้านท้วงติงนายเสถียรไม่ให้มาร่วมชุมนุม พันธมิตรเพราะเห็นว่าสถานการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการใช้ความรุนแรง แต่นายเสถียรก็กล่าวกับครอบครัวว่าจะออกไปธุระ จนกระทั่งทางโรงพยาบาลได้ติดต่อไปยังครอบครัว จึงรู้ว่าพ่อไปรวมกลุ่มกับพันธมิตร
อย่าง ไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ทิพวัลย์ได้ชูกระเป๋าเป้สีเนื้อเปื้อนคราบเลือดของนายเสถียร ที่โรงพยาบาลเก็บไว้ให้ แก่ผู้สื่อข่าว พร้อมทั้งร้องไห้ และกล่าวว่าขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ขออย่าให้มีการทำร้ายกันอีกเลย
(คำแปล)
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จดหมาย กราบเรียน ฯพณฯ นายควินตัน มาร์ค เควลย์ เอกราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เพื่อให้ส่งตัวนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน ทักษิณ และพจมาน ชินวัตร
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ฯพณฯ ควินตัน มาร์ค เควลย์
เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักร
ประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร, สถานทูตอังกฤษ
14 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330
เรา, พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชื่อว่ารัฐบาลของท่าน จะได้กระทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ได้ยินยอมให้อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยภรรยา, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ลี้ภัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เราขอให้ ฯพณฯ ได้ส่งผ่านจดหมายฉบับนี้ไปยังนายกรัฐมนตรี นายกอร์ดอน บราวน์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสหราชอาณาจักร เพื่อนำไปพิจารณาตัดสินใจอย่างรอบคอบ
อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่าคำตัดสินจำคุกตัวเขานั้นไม่ได้อยู่บนหลักเหตุผลและมีแรงจูงใจทางการ เมืองโดยกลุ่มที่เป็นศัตรูต่อประชาธิปไตย
จากคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย พบว่าเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ฝ่าฝืนกฎหมายในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในการช่วยเหลือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาของตัวเองในการซื้อที่ดินจากหน่วยงานของรัฐในราคาเพียง 1 ใน สามของราคาตลาดและได้ถูกพิพากษาให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ระบุในคำพิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กระทำความผิดต่อมาตรา 100 ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ศาลได้ระบุว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศ ต้องทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศและประชาชน แต่กลับไปกระทำผิดกฎหมายเสียเอง ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชิวัตรควรเป็นตัวอย่างที่ดี ซื่อสัตย์สุจริต และประพฤติตนด้วยจริยธรรมทางการเมือง
การตัดสินในกรณีของที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก คือคดีแรกที่ในหลายคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ถูกฟ้องร้องในกระบวนการยุติธรรม สำหรับคดีอื่นๆนั้นศาลฎีกาได้รับคดีเอาไว้พิจารณาแล้ว ดังเช่น คดีการออกสลากพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว ของรัฐบาลที่กระทำมิชอบด้วยกฎหมาย คดีการปล่อยสินเชื่อกว่า 4 พันล้านบาทของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยให้รัฐบาลทหารของ พม่าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของครอบครัวชินวัตร คดีการแก้ไขนโยบายทางภาษีเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจในเครือ (ชิน คอร์ปอเรชั่น) และคดีการปกปิดทรัพย์สิน
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลอาญาได้พิพากษาคุณหญิง พจมาน ชินวัตร, พี่ชาย และเลขานุการ ให้จำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญาในกรณีการหลบเลี่ยงภาษีในการซื้อขายหุ้นมูลค่ากว่า 546 ล้านบาท และปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งในการอ่านคำพิพากษานั้น ศาลอาญาได้ระบุว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีฐานะที่ดี อยู่ในสังคมชั้นสูง และมีสถานภาพทางการเมืองในฐานะเป็นภริยาของนายกรัฐมนตรี จึงควรกระทำให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวอ้างในคำขอลี้ภัยว่าเขาไม่ได้รับคำตัดสินอย่างเป็นธรรมในประเทศไทย ทั้งๆที่เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 ศาลฎีกาได้ตัดสินทีมทนายของทักษิณ 3 คนให้ได้รับโทษจำคุก 6 เดือน โทษฐานละเมิดอำนาจศาลในการติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลระดับซี 7 โดยการนำส่งเป็นกล่องขนมที่บรรจุเงินจำนวน 2 ล้านบาท ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีความเป็นธรรม ทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกลับยื่นฟ้องร้องคดีความต่างๆต่อศาลไทยต่อไป
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่า ประชาชนที่ออกมาต่อต้านเขานั้นคือกลุ่มที่ไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่พรรคไทยรักไทยได้ถูกยุบพรรคเพราะกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2550 กรรมการบริหารพรรค 111 คนซึ่งรวมถึง นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี แม้กระทั่งพรรคได้ถูกยุบไปแล้วแต่ทุกอย่างก็กลับมีความสลับซับซ้อนขึ้นยิ่ง กว่าเดิมหลายเท่า
ตัวอย่างเช่น พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่พรรคไทยรักไทยของทักษิณตั้งขึ้นมาใหม่ ได้คุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร และจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แต่รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร กลับถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานโกงการเลือกตั้ง ซึ่งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ถูกจับจากการบันทึกวีดีโอพบว่าได้จ่ายเงินให้กับกำนันหลายราย รายละ 20,000 บาท เพื่อจูงใช้ให้คนเหล่านั้นลงคะแนนและหาเสียงเพื่อรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งใน พื้นที่เขตเลือกตั้ง
ปัจจุบันน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ตำแหน่งข้าราชการ และควบคุมธุรกิจที่สำคัญหลายแห่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศไทยและเป็นผู้ที่ทรงอำนาจที่สุด อย่างไรก็ตามเขากล่าวอ้างว่า “อภิสิทธิชนชั้นสูง” คือผู้ที่ได้ดำเนินการทำลายตัวเขา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็คือผู้นำของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนชั้นสูงจำนวนมาก ควบคุมและครอบงำประเทศไทยเสียมากว่า
ประเทศไทย และสหราชอาณาจักร ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างยาวนานในทุกระดับและทุกมิติ ประเทศของเราทั้งสองไม่ควรที่จะยินยอมให้เรื่องส่วนตัวของคนๆหนึ่งให้มากระ ทบความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรไม่ควรที่จะนำผลประโยชน์ นำโอกาสที่จะขยายความร่วมมือกับประเทศไทย ไปแลกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องถูกนำตัวส่งกับมาประเทศไทย ไม่ใช่เพียงเพื่อมาต่อสู้คดีความในชั้นศาลฎีการตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญยิ่งไปกว่าที่จะช่วยทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศมี อนาคตที่มั่นคง การตัดสินใจที่ผิดพลาดในส่วนของรัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมของสหราชอาณาจักร จะทำให้การทำงานในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยประสบกับความยากลำบากเป็น อย่างยิ่ง
เรา, พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดินจากสหราชอาณาจักรเพื่อมารับโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา ใช้เวลาในคุกและปรากฏตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้ในคดีอื่นๆ ต่อไป
ขอความกรุณาให้ขับไล่พวกเขาให้ออกจากสหราชอาณาจักร และส่งตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินกลับมาประเทศไทย
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
People’s Alliance for Democracy (PAD)
Letter to His Excellency Mr. Quinton Mark Quayle, United Kingdom Ambassador to Thailand on the extradition of Thaksin and Pojamarn Shinawatra
October 30, 2008
His Excellency Quinton Mark Quayle
Ambassador of the United Kingdom
Thailand, Bangkok, British Embassy
14 Wireless Road
Lumpini, Pathumwan
Bangkok 10330
We, the People’s Alliance for Democracy, believe your government will be making a grave mistake by allowing former Prime Minister Thaksin Shinawatra and his wife, Pojamarn Shinawatra, asylum in the United Kingdom. We ask that you forward this letter to Prime Minister Gordon Brown and Members of Parliament in the UK and consider your decision carefully.
Ex-Prime Minister Thaksin Shinawatra claims the charges against him are unfounded and politically motivated by “enemies of democracy”.
In a landmark ruling on October 21, 2008, he was found to have violated conflicts of interest rules in helping his wife Khunying Pojamam Shinawatra buy land from a state agency at three thirds the market price and sentenced to two years in jail. According to the Thai Supreme Court’s Criminal Division for Political Office Holders, Thaksin was found guilty of breaching Article 100 of the National Counter Corruption Act by aiding his wife in 2003 while he was still Prime Minister.
The court stated that as Thai Prime Minister, Thaksin had been entrusted to administer the state for the highest benefit of the state and the people, but instead chose to break the law. As the head of government, he should have set a good example, been honest, and behaved with good political ethics.
The Ratchapisek land ruling is the first in a series of cases against Thaksin Shinawatra. Other cases still pending in the Thai Supreme Court are abuse of power allegations linked to a two and three digit government lottery scheme, abuse of power related to irregularities in a 4 billion baht loan given by state controlled Export Import Bank of Thailand to the military government of Burma which alleged to have benefited his family business, and amending tax policies to enrich his business empire (Shin Corporation), as well as concealing assets.
In addition, on July 31, 2008 the Criminal Court sentenced Pojamarn Shinawatra to 3 years in prison for tax evasion over a 546 million baht transaction, and falsifying statemen
บุรีรัมย์ - ภรรยา “สารวัตรจ๊าบ” วีรชนผู้กล้า 7 ตุลาทมิฬ ที่ถูกระเบิดเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายชุมนุมโหดร้ายป่าเถื่อนของรัฐบาลทรราช “น้องเขยแม้ว” ที่หน้ารัฐสภา ยืนยันไม่รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลฆาตกร แต่ขอให้ออกมาแสดงรับผิดชอบและให้ความเป็นธรรมสามีที่ถูกยัดข้อหาพกพาระเบิด เผยนำเงินบริจาคของพันธมิตรฯ เก็บไว้ให้ลูกและจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนถ่ายทอดเสียง “ASTV” เปิดหูเปิดตาชาวบุรีรัมย์ สานต่อเจตนารมณ์สู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ของสามี
วันนี้ (29 ต.ค.) น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์, ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ ภาคอีสาน ที่ถูกระเบิดเสียชีวิตจากเหตุการณ์รัฐบาลสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาเมื่อวัน ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวขอยืนยันจะไม่รับเงินเยียวยาช่วยเหลือจากรัฐบาล หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุสลายการ ชุมนุมอย่างรุนแรงของรัฐบาลในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
แต่อยากให้รัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ความเป็นธรรมกับสามีที่ถูกยัดเยียดข้อหาพกพาระเบิด ซึ่งเป็นข้อหาที่หนักไร้ความเป็นธรรมมากสำหรับสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่สามีและวงศ์ตระกูล และขอให้รัฐบาลยุติการกระทำความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะจะส่งผลกระทบสร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัว ญาติพี่น้องอีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลัง และไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะนำเงินที่ได้มาจากภาษีของประชาชนมาเยียวยาประชาชน กับกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมของรัฐบาลเอง
“ฉันจะสานต่อเจตนารมณ์ของสามีที่ได้สละชีวิตต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยจะนำเงินที่ทางกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ บริจาคมาเก็บไว้ให้กับลูกๆ และบางส่วนจะนำมาจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนถ่ายทอดสัญญาณเสียงของสถานีโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี เพื่อให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ได้รับฟังข้อมูลข่าวสารที่แท้จริง รวมทั้งความเคลื่อนไหวต่างๆ ในการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองของประชาชนที่เกิดขึ้น” ภรรยาวีรชนผู้กล้า กล่าว
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
“นรกป่วนกรุง” พร้อมอาวุธครบมือ ลอบวางกำลังกว่า 300 คน แฝงตัวกระจายทั่วบริเวณลานพระบรมรูป-สวนสัตว์ดุสิต คาดเตรียมก่อเหตุป่วนบุก “ทำเนียบฯ” แฉ “นายทหารยศ พล.ต.” ดอดเข้าพบตำรวจใน บชน. เชื่อขอไฟเขียวให้ “ม็อบเติมเงิน” กระทำการอุกอาจต่อ “พันธมิตรฯ”
วันนี้ (28 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งจากลานพระบรมรูปทรงม้าว่า เมื่อเวลา 02.10 น. ได้มีกลุ่ม นปช. กว่า 300 คน ได้ลอบกระจายกำลังอยู่ที่บริเวณพระบรมรูปทรงม้า และบริเวณสวนสัตว์ดุสิต โดยกลุ่มคนดังกล่าว มีอาวุธร้ายแรงครบมือ และคาดว่าน่าจะรอคำสั่งจากผู้สั่งการ เพื่อที่จะเข้าไปก่อกวน หรือบุกกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล
ด้าน แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นที่ผ่านมา นายทหารยศ พล.ต.นายหนึ่ง ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งคาดว่า นายทหารคนดังกล่าว น่าจะขอไฟเขียวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อบุกเข้าไปทำการก่อกวนกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะไม่อาจทราบได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยกลุ่ม นปช.เข้าไปป่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมอย่างสงบอยู่ในทำเนียบฯ หรือไม่
“แกนนำพันธมิตรฯ” ไม่บ้าจี้เดินตามข้อเสนอนักวิชาการจัดเสวนากู้วิกฤตการเมืองนัดตบเท้า ดาวกระจายสถานทูตอังกฤษ-เอ็มโพเรียม จี้ผู้ดีส่งตัว “ทักษิณ” กลับมาติดคุก พฤหัสบดีนี้ พร้อมจัดทีมทนายพิสูจน์คดี ตร.วิสามัญฯ “การ์ดอาสา” ก่อนยัดเยียดข้อหายาเสพติด
วันนี้ (28 ต.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมแถลงข่าวที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงแนวทางการเจรจา 4 ฝ่าย ประกอบด้วย กลุ่ม นปช. พันธมิตรฯ ฝ่ายค้าน และรัฐบาลว่า ถ้ามีใครมาเจรจาตอนนี้ก็ต้องเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ เท่านั้น ซึ่งการเจรจาครั้งนี้กลุ่ม นปช.ไม่เกี่ยวกัน เพราะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวัตถุประสงค์ของพันธมิตรฯ โดยในขณะนี้น่าจะเป็นรัฐบาลมากกว่าที่จะเป็นผู้ที่มาเจรจากับพันธมิตรฯ ส่วนที่การเสวนาที่นักวิชาการเสนอมา ตนคิดว่าถ้ามีการเสวนาแล้วเกิดผล พันธมิตรฯ ก็คงไม่ต้องมาชุมนุมเช่นนี้
“ถ้ามีการเสวนาแล้วมันแก้วิกฤตได้ เราจะมาบ้ามาโง่ทำไม และมากินมานอนอยู่อย่างนี้ทำไม หากการเสวนาได้ผล เราพร้อมทำทันที” พล.ต.จำลอง กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. ทางพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนตามยุทธศาสตร์ดาวกระจายเพื่อแจกซีดีตำรวจทำร้ายประชาชน เวลา 10.00 น. ตั้งแต่สถานทูตอังกฤษ ไปทางถนนสุขุมวิท จนถึงห้างดิเอ็มโพเรียม โดยจะไปยื่นหนังสือที่สถานทูตอังกฤษ เพื่อขอให้ประเทศอังกฤษเร่งพิจารณาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมายังประเทศไทย
ส่วนจะมีการเปิดเส้นทางการจราจรรอบบริเวณทำเนียบรัฐบาลหรือไม่นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนต้องพิจารณให้รอบคอบก่อนเนื่องจากพันธมิตรฯ มีความจำเป็นที่ต้องชุมนุมต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนก็เห็นใจการจราจรเพราะทำให้รถติด แต่เมื่อเทียบกันแล้วกับการแก้ไขปัญหาของวิกฤตชาติ เราต้องเลือกที่จะเสียสละ
ทั้งนี้ การชุมนุมของพันธมิตรฯ ผ่านมาถึง 150 วัน ซึ่งผู้ชุมนุมต้องอยู่ในทำเนียบรัฐบาลอย่างยากลำบาก ไม่ได้สุขสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน แต่ที่ทำอย่างนี้ก็ทำเพื่อประเทศ
“หากพันธมิตรฯ มีการเปิดเส้นทางรอบทำเนียบรัฐบาลเมื่อเกิดปัญหา หรือมีการบุกรุกเข้ามาทำร้ายกลุ่มผู้ร่วมชุมนุม ถามว่าใครจะมาปกป้องและรับผิดชอบ เพราะฉะนั้น สังคมต้องยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติ ถึงแม้การเดินทางมาเรียนของนักเรียนจะยากขึ้น แต่ก็เป็นการเสียสละที่งดงาม ซึ่งผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ต้องเข้าใจ” พล.ต.จำลอง กล่าว และว่าหากมีการเปิดเส้นทางการจราจรแล้วมีผู้เข้ารับผิดชอบและดูแลความ ปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมอย่างจิงจัง ตนก็ยินดีให้ความร่วมมือและยอมเปิดเส้นทางเพื่อการจราจร
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม นายสมชาย ศรีประจักษ์ การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ว่า ตำรวจได้กล่าวหาว่านายสมชายพกยาเสพติดจึงได้ทำการวิสามัญฯ ทั้งๆ ที่นายสมชายไม่ได้พกอาวุธแต่อย่างใด จึงแสดงให้เห็นว่าตำรวจใช้อำนาจที่ป่าเถื่อน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ จึงต้องมีการพิสูจน์ในชั้นศาลให้ถึงที่สุด
พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมว่า นายสมชายจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีสิทธิทำการวิสามัญฯ ทำไมไม่มีการออกหมายจับก่อนเพื่อสอบสวนในชั้นศาล ขืนยังปล่อยเรื่องนี้ไป บ้านเมืองก็แย่แน่ ทางพันธมิตรฯ จึงไม่นิ่งนอนใจไม่ได้ จึงไปสอบถามกับประชาชนที่อยู่และรู้จักกับผู้ตาย
ขณะที่ นายพิภพ กล่าวว่า การวิสามัญฯ นายสมชายครั้งนี้เป็นการฆ่าคนที่มีส่วนร่วมกับพันธมิตรฯ ที่พร้อมที่จะตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และไม่ว่านายสมชายจะมียาเสพติดครอบครองหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ควรวิสามัญฯ เหมือนกันกรณีที่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ที่ได้สั่งฆ่าตัดตอนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวกับยาเสพติด
ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสงสัยว่า การเสียชีวิตดังกล่าวเป็นเพราะนายสมชายมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ หรือไม่ เพราะเท่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามคุกคามและข่มขู่ผู้ที่ได้รับ บาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ที่โรงพยาบาล ทางพันธมิตรฯ จึงมอบหมายให้ทนายจัดการเรื่องการให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุการณ์ ดังกล่าว เพราะว่าให้ผู้บาดเจ็บไปให้ปากคำอาจจะเปลี่ยนเป็นผู้ต้องหาแทนได้ ดังนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรออกมาแถลงข่าวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน
แม่น้องโบว์ มอบทนายพันธมิตร ยื่นฟ้อง "สุรพล ทวนทอง" รอง โฆษก ตร. หมิ่นผู้ตายกล่าวหาพกระเบิด ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 29 ธ.ค.นี้ วันนี้ ( 28 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รับมอบอำนาจจาก นางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ อายุ 27 ปี นักศึกษาปริญญาโทมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ที่ผ่านมา ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้ตายด้วยการโฆษณา และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.51 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยในฐานะรองโฆษก ตร.ได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยแถลงข่าวใส่ร้ายป้ายสีผู้ตายว่า “ สำหรับการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่เสียชีวิตจากใบชันสูตรพบว่าซี่โครงบริเวณด้านซ้ายหักทุกซี่ น่าจะเกิดจากการหนีบระเบิด หรือมีระเบิดอยู่ในกระเป๋าที่หนีบมา บาดแผลเกินกว่าที่อาวุธของเจ้าหน้าที่มีอยู่ ” ข้อความดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น ความจริงแล้วผู้ตายมีแผลขนาดใหญ่ เป็นรอยไหม้ มีเขม่า ซึ่ง ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี๋ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช ภาควิชาพยาธิวิทยา ยืนยันว่าลักษณะบาดแผลของผู้ตาย เกิดจากเป็นบาดแผลไม่เรียบเกิดจากความแข็งมีรอยไหม้ เนื่องจากวัตถุมีความร้อน ตับและม้ามแตกจากวัตถุที่มีแรงอัด เกิดจากระเบิดในระยะใกล้ตัว ไม่ติดกับลำตัว เนื่องจากซี่โครงร้อยเป็นแนวยาว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เสียชีวิตจะพกวัตถุระเบิดติดตัว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกล่าวใส่ร้ายผู้ตาย ให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าผู้ตายเป็นผู้หญิงไม่ดี มีนิสัยก้าวร้าว ดุดัน พกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ครอบครัวบิดา มารดา และครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอน และเป็นการมุ่งเจตนาใส่ร้ายให้ผู้ตายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงเป็นการกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทผู้ตายโดยการโฆษณา นอกจากนี้จำเลยในฐานะรองโฆษก ตร. เป็นเจ้าพนักงาน ได้กล่าวข้อความอันเป็นเท็จต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สาม จึงเข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อีกด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.4167/2551 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 29 ธ.ค. นี้ เวลา 09.00 น.