Tuesday, October 28, 2008

สนธิแฉสัตว์นรกทำทุกทางเอาเคล็ดสร้าง พระหน้าเหลี่ยม เพิ่มพลัง

วันนี้(28 ต.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบฯได้เล่าเรื่องนนทุกภาคที่ 2 ในภาคทศกัณฑ์และพระนารายณ์ในภาคพระราม และเกิดเป็นสงครามครั้งสุดท้าย โดยเปรียบพฤติกรรมของทศกัณฑ์ที่ไม่มีศีลธรรม บ้าอำนาจ บ้าตัณหา เหมือนคนบางคนที่เปลี่ยนดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ
นายสนธิ เล่าเปรียบเทียบว่า ขณะที่พระรามก็มีเหล่าทหารเอกที่เป็นเหล่าเทวดาที่มาเกิดเป็นลิงและรบกับทศ กัณฑ์ที่ตอนแรกนึกได้ชัยชนะแล้วหลังจากที่ยิงศรไปทำให้ศรีษะหลุดจากบ่านึก ว่าตายไปแล้ว แต่ทศกัณฑ์ยังไม่ตายเพราะถอดหัวใจไปฝากไว้ที่อื่น ซึ่งเหมือนกับกรณียุบพรรคไทยรักไทย นึกว่าสิ้นฤทธิ์ แต่กลับมีพรรคพลังประชาชนขึ้นมาและมียักษ์ตัวใหม่คือ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนกระทั่งหนุมาน ที่เป็นทหารเอกใช้วิธีการจนกระทั่งนำหัวใจมาทำลายได้จึงสิ้นฤทธิ์ในที่สุด
จากนั้น นายสนธิ ได้เล่าย้อนอดีตประวัติศาสตร์ในช่วงพระเจ้าตาก สมัยที่ฝ่าวงล้อมข้าศึกนำไพร่พลแค่ 500 คนตีฝ่าออกไปทางตะวันออกบ่ายหน้าไปทางจันทบุรี ระหว่างทางได้รวมรวมไพร่พลที่บางละมุง ชลบุรีและทรงปลูกต้นสนใหญ่ต้นหนึ่งเพื่อเป็นหลักของชาติไว้ที่วัดบางละมุง ขณะเดียวกันได้หล่อพระศรีอารยเมตรัยเพื่อเป็นหลักธรรมตั้งตรงกัน แต่ปรากฎว่าเมื่อปี 2544 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยสร้างพระขึ้นมาใหม่เรียกว่าพระชินวัตรมุณีทรงหน้า เหลี่ยมมาวางเอาไว้ระหว่างกลางเพื่อเอาเคล็ด ขณะเดียวกันได้นำรูปจำลองพระแก้วมรกตซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของพระมหา กษัตริย์มาวางไว้ข้างล่างพระชินวัตรมุณี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ นายสนธิ ได้เล่าและชี้ให้เห็นความผิดปกติเหล่านี้ก็ได้แสดงภาพประกอบเป็นหลักฐานพร้อมกันไปด้วย

นอกจากนี้ นายสนธิ ได้ชี้ให้เห็นอีกว่ายังมีการหล่อพระพุทธรูปชินวัตรมุณีองค์ใหญ่ เพื่อรับพลังจากหลักชาติ และใต้ฐานของพระพุทธรูปดังกล่าวยังหล่อเป็นรูปนักการเมืองหลายคน เช่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายเนวิน ชิดชอบ เทพเจ้ากวนอู และรูปของตัวเองในรูปของเศรษฐีมีทรัพย์ และที่น่าสังเกตก็คือมีรูปหล่อที่ลักษณะหมิ่นเหม่ เนื่องจากแต่งองค์ทรงเครื่องผิดไปจากบุคคลทั่วไปซึ่งถ้าสังเกตให้ดีก็จะรู้ เป็นใคร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเอาเคล็ดในลักษะฝังรูปฝังรอย

นายสนธิ กล่าวว่า ลักษณะดังกล่าวถือเป็นการกระทำอย่างจงใจและเลวมากขอให้พระคุณเจ้าที่เป็น เจ้าอาวาสวัดบางละมุงทุบฐานที่หล่อรูปดังกล่าวทิ้งไป รวมทั้งย้ายพระพุทธรูปชินวัตรมุณีหน้าเหลี่ยมออกไปโดยถ้าเป็นไปได้ให้ย้ายไป ที่เชียงใหม่ให้พวกกลุ่มเชียงใหม่ 51 ได้กราบไหว้ก็แล้วกัน

นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าใต้ฐานของพระพุทธรูปยังมีตราพระราหูซึ่งเป็น สัญญลักษณ์ของตำรวจ เพื่อให้ตำรวจอยู่ใต้พระชินวัตรมุณีตลอดไป แล้วยังนำลายของเหรียญพิฆาตไพรี ซึ่งเป็นเหรียญที่ปลุกเศกที่เมืองนครศรีธรรมราชเพื่อมอบให้กับนักรบในสมัย โบราณออกศึก มีเป้าหมายเพื่อเสริมอำนาจของสาวกไปทำลายฝ่ายตรงข้าม

จากนั้น นายสนธิ ได้เชื่อมโยงเหตุการณ์ที่ นายสมชาย และภรรยาและญาติใกล้ชิดไปทำพิธีบวงสรวงที่นครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 17 พ.ต.2551 ราว 5 เดือนก่อน ซึ่งขณะที่ไปทำพิธีที่ศาลหลักเมืองก็ได้นำผ้าแพรไปผูกทับกับผ้าแพรที่พระบรม โอรสาธิราชฯทรงผูกเอาไว้เดิม จากนั้นก็ได้ไปทำพิธีบวงสรวงพระเจ้าตากที่วัดเขาพนม โดยมีการยิงปืน 21 นัดเหมือนกับพิธีของพระมหากษัตริย์ และต่อมาเมื่อวันที่ 21 เดือนเดียวกันก็บังเอิญเกิดเหตุการณ์ทุบเทวรูปและย้ายศิวลึงก์ที่ปราสาทพนม รุ้ง ซึ่งเชื่อกันว่าต้องการทำลายอำนาจของพระอาทิตย์และเอาเคล็ดบางอย่าง

ในตอนท้าย นายสนธิ ย้ำว่า การสู้กับพวกสัตว์นรกพวกนี้ต้องสู้ทุกรูปแบบ แต่ก็ต้องสู้เพราะเป็นเรื่องของชาติและราชบัลลังก์

No comments: