Sunday, October 26, 2008

ทักษิณ ผู้ไม่เคยรู้จักคำว่า"ซื่อสัตย์สุจริต"

อย่าไปห้ามอดีตนายก รัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "โฟนอิน" มายังเวทีปราศรัยสนามราชมังคลากีฬาสถาน ในตอนค่ำวันที่ 1 พ.ย.นี้ และควรจะถ่ายทอดสดผ่านรายการ "ความจริงวันนี้" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ที่ใส่เสื้อคลุม NBT สีแดง

เพื่อช่วยให้ "คนไทย" ทั่วประเทศที่ไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงหรือสีเหลือง จะได้รับฟัง "คำอธิบาย" จากคำแถลงการณ์จากลอนดอนที่วิพากษ์ความศักดิ์สิทธิ์ระบบศาลไทยและชนชั้นนำชนชั้นสูง ให้รู้ถ่องแท้มากขึ้นว่าหมายถึงใคร

อย่าพูดแค่ 20 นาทีควรจะเพิ่มเป็น 60 นาทีเต็มเวลารายการความจริงวันนี้ เพื่อให้สมราคาอดีตนายกฯ ที่กำลัง "ร้อนรุ่ม" องศาเดือดจากความแค้นศาลที่ลงโทษจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดา ซึ่งคุณทักษิณเห็นว่าไม่ให้ความยุติธรรม เพราะไม่มีหลักฐานว่าทุจริตในความเข้าใจของคุณทักษิณที่เป็นความเข้าใจแบบ เดียวกับนายกรัฐมนตรี "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" แมวเชื่องของคุณทักษิณ

ความแค้น "ชนชั้นนำ" ที่คุณทักษิณเกริ่นมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ในสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีเคยบอกว่า "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ต้องการเล่นงานคุณทักษิณ แต่คุณทักษิณยังขี้ขลาดตาขาวเกินกว่าจะระบุ "ชื่อ-นามสกุล" ชัดๆ ว่าไอ้วายร้ายคนนั้นเป็นใครที่ยัง "เล่นไม่เลิก" ไม่ยอมยกโทษหรือเจรจายอมความกับตัวเองและครอบครัว เพื่อให้พ้นจากความผิดนานัปการที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม

คนไทยจำนวนมากที่ไม่ใช่ทั้ง "กลุ่มคนเสื้อแดง" และไม่ชื่นชม "กลุ่มคนเสื้อเหลือง" กำลังอยากจะรู้จากปากคุณทักษิณ อยากจะให้ชี้ชัดๆ ลงไปได้ว่า "ศาลไทย" และผู้พิพากษาคนไหนที่ไม่ให้ความยุติธรรมกับคุณทักษิณ

เพราะ "ผู้พิพากษา" เป็นผู้ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระมหากษัตริย์จะต้องทำหน้าที่แทน "พระมหากษัตริย์" ในการผดุงความยุติธรรมให้สังคมมานานกว่า 100 ปีที่มีระบบศาลยุติธรรมในประเทศไทย คนไทยจึงเคารพและยอมรับในคำพิพากษาของศาล ไม่ว่าจะเห็นว่าเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมกับตัวเอง

ถ้าคุณทักษิณแน่จริงยังเป็น "ลูกผู้ชาย" ควรจะบอกไปเลยว่า ผู้พิพากษาคนไหนที่เคย "รับเงิน" คุณทักษิณในคดีซุกหุ้นเมื่อปี 2544 ที่คุณทักษิณรอดมาได้ด้วยคะแนน 8 ต่อ 7 ที่อ้าง "บกพร่องโดยสุจริต" ที่เป็นประโยคชั่วร้ายแห่งศตวรรษ รักษาอำนาจให้คุณทักษิณจนทำลายหลักจริยธรรมของสังคมลงโดยสิ้นเชิง

สังคมจะได้ช่วยกันประณาม "ผู้พิพากษา" คนนั้นที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่รักษาคำถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเท่ากับทำร้ายในหลวงของเราให้ถูกดูหมิ่นเสื่อมเสียไปด้วย

คุณทักษิณควรจะอธิบายให้ "กลุ่มคนเสื้อแดง" ฟังด้วยจะได้กระจ่างหูตาสว่างกันเสียที ถึงวีรกรรมของคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีผัวเจ๊แดงน้องสาวคุณทักษิณที่เชื่องอยู่ในโอวาทมานานแล้ว

ในช่วงที่คุณสมชายเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมปี 2544 ได้เคย "รับงาน" จากคุณทักษิณและภรรยา "คุณหญิงพจมาน ชินวัตร" ไป "คุยเรื่องอะไร" กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน เพื่อขอให้ลงมติช่วยคุณทักษิณให้พ้นจากคดีซุกหุ้น

ฝากคำถามไปถึงคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ สองเกลอแห่งรายการความจริงวันนี้ ขอให้ถามคุณทักษิณว่าเงินสด 2 ล้านบาทในถุงขนมที่ทนายความของคุณทักษิณในคดีที่ดินรัชดาฝากให้เจ้าหน้าที่ ศาลเป็นของใครกันแน่ ทนายความของคุณทักษิณร่ำรวยมีเงินมากขนาดนี้มาจากไหน

ทำไมทนายความของคุณทักษิณช่างเซ่อซ่าไม่สมราคาค่าจ้างสูงๆ ให้ทำงานสกปรกเช่นนี้เลย เพราะตลอดชีวิตของคุณทักษิณมีความช่ำชองพิเศษในการ "จ่ายสินน้ำใจ" ให้กับข้าราชการและนักการเมืองเพื่อให้ทำงานทำธุรกิจหาเงินหาทอง ไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

เดชะบุญที่เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมคนนั้นที่ได้รับถุงขนมเงินสด 2 ล้านบาท เป็นข้าราชการที่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็น "ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมากกว่าคุณทักษิณและพวกพ้องหลายเท่า

จึงไม่ "ละโมบ" เห็น "เงินเป็นใหญ่" และไม่มีนิสัยสันดานเช่นเดียวกับคุณทักษิณ ซึ่งเชี่ยวชาญถนัดการใช้เงินสกปรกเป็น "ใบเบิกทาง" ทำทุกเรื่องสร้างเส้นทางชีวิตจนมั่งคั่งบนผืนแผ่นดินไทย แต่คุณทักษิณกลับกำลังเนรคุณทำร้ายประเทศไทยไม่เลิกราเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง จริงๆ

เริ่มจากสัมปทานโทรคมนาคมทุกโครงการที่เป็นกุญแจไขไปสู่ความมั่งคั่งให้คุณ ทักษิณมีเงินทองใช้ไปหลายชาติไม่มีวันหมด ล้วนแต่ได้มาอย่างมีข้อสงสัยและไม่ชอบมาพากล จนเป็นที่รู้กันว่าการประมูลแข่งสัมปทานโครงการใดก็ตาม จะมีชื่อบริษัทคุณทักษิณหรือพวกพ้องเข้าไปแข่งยื่นซอง

คุณทักษิณสร้างอาณาจักรธุรกิจใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อด้วยวิธีการประมูล โครงการสัมปทานสื่อสารโทรคมนาคมในช่วง 10 ปี (พ.ศ.2530-2540) ก่อนเข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัว และยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกหลังการลอยตัวค่าเงินบาทในวันที่ 2 ก.ค.2540 ที่ธุรกิจส่วนใหญ่แทบเอาตัวไม่รอดจากหนี้สินเพิ่มขึ้นจากเงินกู้ต่างประเทศ

แต่ธุรกิจของคุณทักษิณและครอบครัวที่กู้เงินต่างประเทศเหมือนกันกลับ มั่งคั่งขึ้นหลายเท่า แทบไม่ได้รับกระทบจากการปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว เพราะรีบไปประกันความเสี่ยงหนี้ต่างประเทศก้อนใหญ่ไว้ก่อนไม่กี่วัน จากการรู้ "ข้อมูลภายใน" ล่วงหน้าว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ,รัฐมนตรีคลัง นายทนง พิทยะ (ลูกจ้างของคุณทักษิณที่ส่งไปเป็นรัฐมนตรีคลัง) และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายเริงชัย มะระกานนท์ ได้ตกลงกันว่าจะปล่อยค่าเงินบาทลอยตัวในวันที่ 2 ก.ค.2540

คุณทักษิณไม่เคยรู้จัก และสะกดคำไม่ถูกกับคำว่า "ผลประโยชน์ทับซ้อน" หรือ Conflict of Interest จึงเห็นดีเห็นงามเซ็นชื่อรับรองการทำนิติกรรมการประมูลซื้อที่ดินรัชดาจาก กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินที่คุณหญิงพจมานยื่นประมูลแข่งกับบริษัท อื่นอีก 2 บริษัท

ถ้าคุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น แล้วคุณหญิงพจมานไปยื่นประมูลแข่งจะไม่เป็นประเด็นทางด้านผลประโยชน์ทับซ้อน ใดๆ เลย แต่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่เป็นผู้นำประเทศจะต้อง ประพฤติตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมสูงกว่ามาตรฐานโดยทั่วไป

ทำไมพระสงฆ์จึงต้องถือศีลมากข้อกว่าคนธรรมดาหลายเท่า เอาเป็นว่าเพียงแค่อยู่ในห้องสองต่อสองกับสีกาโดยไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวก็ เข้าขั้นอาบัติปาราชิกต้องสึกออกจากความเป็นพระภิกษุแล้ว แทบไม่ต้องกล่าวไปถึงผลประโยชน์ทับซ้อนจากการปล่อยให้เครือญาติเข้ามาหา ประโยชน์ใดๆ ในวัดที่เป็นการเอาเปรียบคนอื่นถือเป็นเรื่องไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

ทำไม กรรมการในบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่พูดกันว่า "ขาข้างหนึ่งอยู่ในตะราง" ตลอดเวลา จะต้องอยู่ภายใต้ "กฎเหล็ก" ตามหลักธรรมาภิบาลหลายข้อเพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้ถือหุ้นอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นกรรมการ โดยมีหลักความซื่อสัตย์สุจริต (Duty of Loyalty) ที่มีความหมายกว้างกว่าความหมายทั่วไป

แตกต่างจากคนทั่วไปรวมทั้งคุณทักษิณและนายกรัฐมนตรีสมชาย มักเข้าใจไปว่า "อะไรที่ไม่ทุจริตคือสุจริต (honesty)"

แต่ ตามหลักธรรมาภิบาลของตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ถือว่าความซื่อสัตย์สุจริต (honesty) จะรวมถึงการกระทำที่มีจุดมุ่งหมายโดยชอบ (proper purpose) การตัดสินใจโดยไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) เว้นแต่การกระทำนั้นจะผ่านการตัดสินใจจากผู้ไม่มีส่วนได้เสีย ซึ่งเห็นว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทแล้ว และการไม่นำข้อมูลหรือโอกาสของบริษัทไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคล อื่น

นายกฯ สมชายพูดทำนองว่ากรณีคำตัดสินคดีที่ดินรัชดา ให้ลงโทษจำคุกคุณทักษิณ 2 ปี ไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุณทักษิณไม่ได้ทุจริต แค่ไม่ได้ทำตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 เท่านั้นเอง

น่าอายมากกับคำพูดของนายกฯ สมชาย ที่เคยเป็นผู้พิพากษามาตลอดชีวิตและยังเป็นตำแหน่งสูงสุดปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่กลับทำเป็น "บื้อบอดใบ้" ไม่ รู้จักว่า ป.ป.ช.ย่อมาจากคำว่าคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ และกฎหมาย ป.ป.ช.มีชื่อเต็มๆ ว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองยึดตาม กฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 ที่ออกมาบังคับใช้ก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ในช่วงที่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทำผิดกฎหมายนี้ แต่ไม่มีใครลงโทษได้เพราะอำนาจบารมีของคุณทักษิณในสมัยนั้น แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้วอำนาจของศาลที่ยึดถือกฎหมายเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ยึดตัวบุคคลจึงใช้มาตรา 100 ของกฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 ลงโทษตามมาตรา 122 ให้จำคุก ซึ่งถือว่าศาลยังปรานีไม่ลงโทษคุณหญิงพจมาน ชินวัตร

คำว่า "ป้องกัน" และ "ปราบปราม" มีความหมายชัดในตัวเองอยู่แล้วว่ากฎหมายนี้มีไว้เพื่อ "ป้องกัน" และ "ปราบปราม" เพื่อไม่ให้เกิดการ ทุจริตคือโกงเงินหลวง และ ป้องกันไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนที่เอาเปรียบคนอื่น

การทุจริตจึงไม่ได้หมายความว่าจะต้องโกงเป็นเงินงบประมาณอย่างเดียว แต่ การใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเอง (abuse of power) ก็เป็นการทุจริตในการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

คุณทักษิณส่องกระจกดูตัวเองแล้วตั้งสติถามตัวเอง ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของตัวเองว่าได้เอาเปรียบคนอื่น และก่อกรรมไว้ให้กับประเทศนี้เพื่อความร่ำรวยของตัวเองไปมากเท่าไร ทำไมยังไม่ปล่อยวาง ทำไมไม่รู้จักพอ อย่าอ้างว่าอาสามาทำงานเพื่อช่วยเหลือคนจนบังหน้าผลประโยชน์ส่วนตน

อย่าลืมว่ายังมีอีกหลายคดีความรอคุณทักษิณกลับมารับโทษ หรืออาจจะหนีไปอีกชั่วชีวิต จนไม่มีแผ่นดินอยู่หรือไร้แผ่นดินฝังร่างจริงๆ ตามคำทำนายของหมอดู

No comments: