Thursday, October 23, 2008

เมื่อ “สล้างไร้ราคา” พบ “เพชรวรรตไร้เงิน” ยุทธการงานเข้าอู้ฟู่ของม็อบใครหลอกใคร?

พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ในฐานะประธานกลุ่มพลังกู้วิกฤตชาติ ประกาศที่หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ว่า หลังจากวันที่ 25 ต.ค.ตนจะเสร็จสิ้นพิธีทำบุญที่จังหวัดเชียงใหม่ จะนำคนมาบุกทำเนียบรัฐบาล โดยจะปิดเส้นทางตัดข้าวตัดน้ำเป็นเวลา 3 วัน โดยจะได้รับอุปกรณ์พิเศษที่ได้รับสนับสนุนจากมิตรประเทศมาใช้

ซึ่งคำประกาศดังกล่าวได้รับการตอบโต้ทันควันจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในคืนวันที่ 22 ต.ค.ว่า พล.ต.อ.สล้าง เป็นคนไร้ราคา ดูจากที่พูดก็รู้แล้ว จะไปเอาอาวุธจากประเทศไหน ? โดยได้มีข้อมูลเปิดเผยบนเวทีพันธมิตรฯ ด้วยว่า พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เคยเป็นหนี้เงินยืมจากนายสนธิจำนวนกว่า 60 ล้านบาทและยังไม่ได้ใช้คิน

ประเด็นเรื่องการเงิน และงบประมาณเคลื่อนไหวในการจัดทำบุญใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ที่ถูกสื่อมวลชนประเมินว่าต้องใช้เงินอย่างน้อย 5-10 ล้านบาท ได้รับการอธิบายจาก พล.ต.อ.สล้าง ว่า ตนขายที่ดินซอยทองหล่อ และขายทองคำ 300 บาทเพื่อใช้ในการนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังขาต่อว่า การระดมมวลชนเพื่อปิดล้อมเส้นทางเข้าทำเนียบเป็นเวลา 3 วันย่อมต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล คำถามคือ พล.ต.อ.สล้าง จะต้องใช้เงินอีกจำนวนเท่าใดเพื่อดำเนินการตามอุดมการณ์ยึดทำเนียบคืนที่ ประกาศไว้

การเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นฐานการเมืองที่สำคัญที่สุดของตระกูล ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์ และพรรคพลังประชาชน ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.โดยอ้างว่า มาทำบุญนั้น ยังมีเหตุอื่นที่เป็นกิจสำคัญรวมอยู่ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการระดมมวลชนเข้ากรุงเทพฯ เพราะการจะปิดล้อมเส้นทางเข้าทำเนียบรัฐบาลนั้นจะต้องใช้ปริมาณคนจำนวน มหาศาลจึงจะสำเร็จตามเป้าหมาย

คำถามคือ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จะไปพบใคร และจะมีการเจรจาเรื่องมวลชน หรือเรื่องอื่นๆ ด้วยหรือไม่ระหว่างการเดินทางไปเชียงใหม่ ?

วิทยุชุมชนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เอฟเอ็ม 92.5 Mhz ของนาย นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ได้ออกอากาศตลอดบ่ายวันที่ 22 ต.ค.ป่าวประกาศถึงการเดินทางมาของ พล.ต.อ.สล้าง ผู้ดำเนินรายการบางคนประกาศอย่างยินดีว่า พล.ต.อ.สล้าง จะร่วมกับ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และขู่ว่า จะนำกำลังไปบุกวิทยุชุมชน วิหคเรดิโอ 89.0 Mhz ที่ถ่ายทอดสัญญาณ เอเอสทีวี ก่อนขบวนมวลชนเชียงใหม่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

นี่เป็นหลักฐานประการหนึ่งที่บ่งบอกว่า พล.ต.อ.สล้าง ติดต่อกับ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และมีประเด็นความร่วมมือการใช้มวลชนของกลุ่มดังกล่าวรวมอยู่ด้วย

มวลชนคนเสื้อแดงของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นส่วนหนึ่งของคนเสื้อแดงในภาคเหนือตอนบน ซึ่งมีกระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ และมีการประสานงานกันใกล้ชิด เช่น ในการยกคนเสื้อแดงไปขว้างปาทำร้ายเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ โรงยิมเนเซี่ยม 3 สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้รับการหนุนช่วยจากคนเสื้อแดงจังหวัดเชียงราย

และมีรายงานชัดเจนจากฝ่ายความมั่นคงว่า เมื่อ 17 ต.ค.2551 ที่ผ่านมา นาย เพชรวรรต เดินทางไประชุมร่วมกับ “บุ๋ม-จีรนันท์ จันทวงศ์” แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เชียงราย, เจ๊หมวย-มติ แซ่อั้ง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวรสเยี่ยมเชียงราย และองค์กรเครือข่าย ที่เชียงราย

และมีมติออกมาว่าแนวร่วม นปช.ภาคเหนือจะเริ่มระดมคนกันอีกครั้งหนึ่ง โดยระยะแรกจะเคลื่อนไหวในพื้นที่ให้กำลังใจตำรวจ-ทหาร ที่ถูกกลุ่มต่างๆ ออกมากดดันหลังเกิดเหตุ 7 ตุลาฯ และในวันที่ 1 พ.ย.2551 จะระดมพลคนเสื้อแดงครั้งใหญ่เข้ากรุงเทพฯ สมทบแนวร่วมจากจังหวัดอื่นๆ ทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม กำหนดนัดหมายระดมปิดทำเนียบย่อมไม่ใช่ 25 ต.ค. อย่างแน่นอนเนื่องจากวันที่ 26 ต.ค.นี้ กองทัพไทย ได้ประกาศปิดกั้นการจราจรรอบๆ ลานพระบรมรูปทรงม้า-ถนนราชดำเนิน เพื่อใช้ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2551 และกำหนดซ้อมอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย.2551

จึง มีคำถามว่า เครือข่ายคนเสื้อแดงภาคเหนือ จะร่นเวลาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ก่อนกำหนดเดิม 1 พ.ย.2551 เพื่อร่วมงานกับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค หรือไม่ ? หากไปมีความน่าจะเป็นว่าปฏิบัติการจะอยู่ระหว่าง 27-29 ต.ค.2551

ถ้าเครือข่ายคนเสื้อแดงจากภาคเหนือตอนบน ระดมพลเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานกับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ก็จะเป็นต้องมี “ผู้สนับสนุนทางการเงิน” เสียก่อน ซึ่งประเมินว่า เฉพาะค่ากินอยู่ 3 วัน ตก 3,000 บาท/คน ถ้าไป 1,000 คน ใช้เงินส่วนนี้ 3 ล้านบาทไม่รวมค่าเดินทาง รวมแล้วอย่างน้อย 5 ล้านบาท

และหากใช้คน 10,000 ค่าใช้จ่ายจะคูณเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท !!!

พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จะมีเงินงบประมาณจำนวนมากขนาดนี้หรือไม่ เงินจากการขายที่ดินและทองคำมีอยู่เท่าไหร่ ? หรือมีผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังสนับสนุนงบประมาณมหาศาลจำนวนนี้ !!?

ไม่ต้องพูดถึง แกนนำกลุ่มคนรักเชียงใหม่ อย่างนาย เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจของเขาอยู่ในภาวะซวนเซอย่างยิ่ง

เพราะก่อนหน้านั้น นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ได้กล่าวผ่านรายการวิทยุของตนเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2551 ว่า ตนไม่มีเงินมาก การระดมคนเข้ากรุงเทพฯ ต้องใช้เงินมากจะต้องมี “ผู้สนับสนุน” หมายถึงเขายอมรับผ่านวิทยุ ว่า เขาไม่มีเงินมาก การขนคนเข้ากรุงฯ ต้องมีคนใจบุญควักกระเป๋าช่วยเหลือ !!!

ทีมข่าวพิเศษ ได้ตรวจสอบธุรกิจของ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่ปรากฏต่อสาธารณะ ประกอบด้วย โรงแรม วโรรสแกรนด์พาเลซ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า แกรนด์วโรรส ขนาด 58 ห้องราคาพักระหว่าง 690-890 บาท และมีกิจการย่อยๆ ภายในโรงแรม คือ Crocodile Snooker Club ให้บริการสนุกเกอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และร้านอาหารครัวดอกแก้ว ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรมทั้งหมดตั้งอยู่ที่เดียวกับที่อยู่ของนายเพชร วรรต คือ 64 ถนน อินทวโรรส ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่

โรงแรมแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง

และเมื่อตรวจสอบธุรกิจ ที่นายเพชรวรรต เป็นเจ้าของ 3 กิจการ พบว่า เมื่อกลางปี 2551 ที่ผ่านมาถูกปิดกิจการเป็นบริษัทร้าง เนื่องจากไม่ส่งงบดุลติดต่อกัน 3 ปี จำนวน 2 กิจการประกอบด้วย

หจก.ชานิวัติ คอนสทรัคชั่น ที่ตั้งกิจการ 64 ถนน อินทวโรรส ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่เดียวกับโรงแรม เป็นธุรกิจแรกที่จดทะเบียนเมื่อปี 2529 ทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท หลังจากปี 2538 กิจการแห่งนี้ไม่ได้ดำเนินการต่อ ไม่ได้ส่งงบดุล ปัจจุบันถูกจำหน่ายออกจากสารบบทะเบียนแล้ว

บริษัท วโรรสแกรนด์พาเลซ จำกัด บริษัทแห่งนี้ ถือเป็นเจ้าของทรัพย์สินซึ่งเป็นตัวโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ ฐานะบริษัทแห่งนี้ในปัจจุบัน ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน ตามคำสั่งที่ cm2/2551 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2551 โดยสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ หรือที่ภาษาของกรมทะเบียนการค้าเรียกว่า “ร้าง” เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปพบว่า บริษัทแห่งนี้ มิได้ส่งงบดุลต่อทางการมาตั้งแต่ปี 2546 จึงเป็นเหตุถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน โดยพบว่าหนังสือสอบถามจากกรมสรรพากร มายัง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อถามสถานะของบริษัทแห่งนี้หลายครั้ง

นายเพชรวรรต ก่อตั้งบริษัท วโรรสแกรนด์พาเลซ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2544ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2545-2546 ที่ผ่านความพยายามดึงบุคคลภายนอกมาถือหุ้นร่วมแต่ไม่สำเร็จ และมีการเพิ่มทุนเป็น 15 ล้านบาทถ้วน เมื่อปี 2546

นับจากการเพิ่มทุนในครั้งนั้น บริษัท วโรรสแกรนด์พาเลซ จำกัด มิได้ส่งงบดุลและทำให้เชื่อว่าไม่ได้ประกอบกิจการค้าอีกต่อไป จนถูกถอดชื่อกลายเป็นบริษัทร้างในปี 2551

จึงมีเพียงกิจการเดียวที่ยังไม่ถูกถอดจากบัญชีกิจการจดทะเบียน ก็คือ

หจก.ชานิวัติกรุ๊ป 1995 เป็นกิจการที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 วัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการโรงแรม/นวดสมุนไพร/อบสมุนไพร และ โต๊ะสนุกเกอร์ ทุนจดทะเบียน 4 แสนบาท ธุรกิจแห่งนี้คือ ธุรกิจหลักของนายเพชรวรรต กิจการดังกล่าวประกอบกิจการบริหารจัดการโรงแรม วโรรสแกรนด์พาเลซ (ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ตัวอาคารโรงแรม)

อย่างไรก็ตาม พบว่า ผลการดำเนินการของ หจก. ชานิวัติกรุ๊ป 1995 ขาดทุนมาโดยตลอด ตรวจงบดุล ปี 2550 ขาดทุน 88,596.40 บาท รวมขาดทุนสะสม 972,793.29 บาท

เมื่อตรวจลงไปในรายละเอียดของงบดุลปีล่าสุด กิจการแห่งนี้มีเงินสด 25,549.72 บาท และ ไม่มีเงินฝากธนาคาร ขณะที่มีหนี้สินทั้งสิ้น 1,294,970.46 บาท

ดังนั้น หาก พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ต้องการระดมมวลชนกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จำนวนมากย่อมฝากความหวังเรื่องงบประมาณจาก นายเพชรวรรต ไม่ได้

หาก พล.ต.อ.สล้าง ไม่ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนโดยตรง ย่อมต้องหาผู้สนับสนุนอื่น ๆ เข้ามาช่วยด้วย

แต่ที่แน่ๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีเงินทองในกระเป๋าและประสงค์ร่วมงานชุมนุมคนเสื้อแดง ถือได้ว่า “งานเข้า” ครั้งสำคัญเพราะอย่างไรก็ตามย่อมมีผู้สนับสนุนงบประมาณอย่างแน่นอน

แต่จะสนับสนุนโดยตรง หรือผ่านหัวคิวผู้ใดมาเป็นทอด ๆ มานั้น..ยากที่จะทราบได้ !!?

No comments: